วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วิธีแก้ขอบตาคลำ


คงไม่มีใครอยากเป็นหมีแพนด้า

หญิงสาวหลายคนเป็นกังวลกับรอยดำ ๆ วงคล้ำ ๆ ใต้ลูกกะตา เพราะทำให้เสียเซลฟ์ ความมั่นใจหดหายกันไปเยอะ ว่าแต่ว่ามันเกิดจากอะไร แล้วทำยังไงถึงจะหายนะ

สาเหตุ

ขอบตาคล้ำ คือ เส้นเลือดใต้ดวงตาของคุณไหลเวียนไม่ดี เป็นได้ทั้งจากกรรมพันธุ์ ขยี้ตาบ่อย แพ้ครีมทารอบดวงตา อดนอน หรือภูมิแพ้ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ บางคนจะมีเส้นเลือดดำรอบตาขยายใหญ่กว่าคนทั่วไป นี่เองที่เป็นสาเหตุให้ขอบตาของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ดูคล้ำกว่าคนทั่วไป

วิธีแก้ไข

วิธีที่ 1 ลองใช้แตงกวาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ หรือใช้ถุงชาที่ชงแล้วแช่ให้เย็นเจี๊ยบมาประคบที่ตาจนแตงกวาหรือถุงชาหายเย็น

วิธีที่ 2 ผสมเกลือ 1 ช้อนชากับน้ำร้อนครึ่งถ้วย ใช้สำลีหรือผ้าชุบ แล้วนำมาปิดตาประมาณ 10 นาที

ถ้าลอง 2 วิธีนี้แล้วยังไม่หายคล้ำ ก็ลองพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลัง หรือลองใช้ครีม Whitening ชนิดที่ใช้ทาใต้ดวงตา แต่ถ้าทำทุกอย่างที่บอกมาแล้วตายังเป็นแพนด้าอยู่อีก ปัจจุบันมีการใช้เลเซอร์รักษาด้วย แต่วิธีนี้ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยอาการก่อน ซึ่งก็ไม่อยากแนะนำเท่าไหร่นัก ทางที่ดีที่สุด คือ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากตาจะไม่ดำแล้ว ยังป้องกันโรคอื่น ๆ ได้อีกด้วย

เคล็ดลับแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้ง


ปัญหาริมฝีปากแห้ง สามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุนะคะ ดังนั้นก่อนอื่นสาว ๆ ควรจะต้องรู้ก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานี้คืออะไร ไม่ว่าจะเป็น พักผ่อนน้อย เครียด พูดเป็นเวลานาน ผลจากรับประทานยารักษาโรคบางชนิด ฯลฯ ล้วนทำให้ริมฝีปากแห้งได้ทั้งนั้น ซึ่งหากปล่อยให้ปากแห้งนาน ๆ อาจจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น จนลอกเป็นขุย และทำให้เกิดกลิ่นปากได้อีกด้วย

ดังนั้น การแก้ไขอย่างแรก ๆ ควรดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ หรือจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ หากใครที่ปากลอกเป็นขุยให้ใช้น้ำอุ่นผสมเกลือป่นเล็กน้อย จากนั้นใช้สำลีหรือทิชชูชุบเล็กน้อยพอหมาด แล้วใช้ปากคาบทิ้งไว้ประมาณ 3 – 5 นาที หรือจะใช้เช็ดไล้เบา ๆ ก็ได้ ขุยก็จะหลุดลอกออกไป และควรมั่นทาบำรุงด้วยลิปมันหรือปิโตรเลียมเจล เพื่อเพิ่มและรักษาความชุ่มชื่นให้กับริมฝีปาก

เมคอัพสวย ๆ ด้วยวิธีง่าย ๆ


หากต้องการใบหน้าที่ดูกระจ่างใส เลือกสีแป้งพับสว่างกว่าสีของรองพื้นหนึ่งเบอร์

2. แต่ถ้าต้องการใบหน้าที่ดูสดใสเป็นธรรมชาติ เลือกสีของแป้งพับให้ใกล้เคียงกับรองพื้น

3. ดัดขนตาก่อนปัดมาสคาร่า

4. ต้องการให้อายแชโดว์ติดทนนาน รองพื้นด้วยลิปมันก่อนทาอายแชโดว์

5. เพื่อป้องกันไม่ให้อายแชโดว์เลอะใต้ขอบตา ทาแป้งเด็กไว้ใต้ตาก่อนทาอายแชโดว์

6. ทาลิปสติกทุกครั้งอย่าทาจากตัวแท่ง ควรทาจากพู่กันเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกลงไปสะสมในเนื้อลิปสติก

7. เขียนขอบปากทุกครั้ง ก่อนทาลิปสติก

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รักแท้มีแต่ให้


เป็นความรักของมนุษย์ผู้ที่ได้ค้นพบภาวะความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน

ในหัวใจอย่างลึกซึ้ง แล้วหลุดพ้นจากกิเลสขึ้นมากลายเป็นอารยชน

ความรักมีแต่ให้นี้เป็นความรักที่เกิดจากการมองเห็น"ความไร้แก่นสาร"

หรือความไม่มีตัวตนของตนเอง เมื่อมองเห็นความไร้แก่นสารหรือความ

ไม่มีตัวตนของตนเองจึง...ไม่มีตัวตนไว้สำหรับเห็นแก่ตัว ก็จึงเห็นแก่โลก

ทั้งผอง หัวใจนั้นไร้พรมแดน เกิดความรักชั้นสูงสุด มองคนมองสรรพ

ชีพ มองสรรพสัตว์ทั้งหลายในลักษณะโลกทั้งผองพี่น้องกัน

ความรักชนิดนี้เป็นความรักที่แท้ เปิดเผย บริสุทธิ์ จริงใจ ให้ออกไปโดย

ไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน แล้วก็ไม่ต้องการให้ใครมามองเห็นคุโณปการ

ของตัวเอง เป็นดอกไม้ส่งกลิ่นหอม แล้วก็ร่วงโรยไปตามกาลเวลาอย่าง

สงบเงียบ ไม่ปราถนา ที่จะเป็นที่ปรากฏอะไรเลย

เช่นเดียวกัน พระอรหันต์ทั้งหลาย อริยชนทั้งหลาย ตั้งแต่พระโสดาบัน

บุคคลขึ้นไป ก็ทำงานเพราะมีความรักที่แท้เป็นแรงผลักดัน ทำงานก็

เพราะว่างานนั้นเป็นสิ่งที่วิถีชีวิตของท่านควรทำ ไม่มีแรงจูงใจลักษณะ

เกิดจากลาภสักการะ ผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น เสมือนเราทุกคนเกิดมา

แล้วก็หายใจเพราะการหายใจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เราหายใจโดยไม่

จำเป็นต้องเรียกร้อง ไม่จำเป็นต้องบังคับ การหายใจก็คือการหายใจ

การหายใจมีความสมบูรณ์อยู่แล้วในตัวเองฉันใด ผู้มีรักแท้อยู่ในหัวใจ

ก็พร้อมที่จะรักคนทั้งโลก โดยไม่เรียกร้องอะไรตอบแทนฉันนั้นเพราะมัน

เป็นธรรมชาติอันเป็นธรรมดานั่นเอง

ด้วยเหตุนี้รักแท้จึงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า "กรุณา" หรือ "การุณยธรรม"

เกิดขึ้นหลังจากปัจเจกบุคคลคนหนึ่งได้ค้นพบปัญญาคือ ความตื่นรู้

แล้วเกิดวิสุทธิภาวะ คือจิตที่หลุดพ้นจากอวิชชาโดยสิ้นเชิง จะก่อให้เกิด

คุณธรรมชนิดใหม่ซึ่งเปรียบเหมือนธารน้ำที่หลั่งไหลมาของความรัก....

ก็คือ กรุณา

ฉะนั้นพระพุทธองค์จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "มหากรุณิกะ" แปลว่า บุคคลผู้

เปี่ยมความรักอันไพศาล นั่นแหละรักแท้คือ กรุณา

มนุษย์ทุคนมีศักยภาพที่จะค้นพบรักแท้ในหัวใจของตนเองได้ทุกคน

เพราะรักแท้หรือกรุณา มันมาจากพุทธภาวะในหัวใจของเราทุกคน

ฉะนั้น ขอแค่เราเป็นคนเท่านั้นแหละ เราก็มีธรรมชาติเดิมแท้เป็นความ

รักแท้ที่จำพรรษาอยู่ในใจเราทุกคนอยู่แล้ว รอแต่ว่าเมื่อไรเราจะค้นพบ

เท่านั้นเอง เขารอเราอยู่ตลอดเวลา ทุกภพทุกชาติทุกวินาที


ขอขอบคุณ บทความจาก ว.วชิรเมธี





น้ำทับทิม’ ป้องกันสมองเสื่อม


‘มุมสุขภาพ-กินดี’ สรรหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาปิดท้ายให้เข้าธีมของสัปดาห์ที่ว่ากันถึง ‘อาการสมองเสื่อม’ ซึ่งสามารถป้องกันด้วย ‘ทับทิม’ ผลไม้มากคุณค่า สีสันสวยงาม โดยคุณพล ตัณฑเสถียร ฟู้ดสไตลิสต์คนดัง สร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มแก้วเก๋ ชื่อ ‘Red Shooter’…

ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณป้องกันอาการหลง ๆ ลืม ๆ ทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณ ในส่วนของเมล็ดยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระตัวการก่อมะเร็ง

นอกจากทับทิมแล้ว เครื่องดื่มแก้วนี้ยังต้องการส่วนผสมเพื่อเพิ่มคุณค่าเข้าไปอีก มีทั้งแตงโม มะนาว ส้ม และสับปะรด ที่เปี่ยมไปด้วยวิตามินซี ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และทำให้แผลหายเร็วอีกด้วย

สรุปส่วนผสมที่ต้องเตรียม คือ....

ทับทิม
แตงโม
มะนาว
ส้ม
สับปะรด

ขั้นตอนในการทำ เริ่มจากการแกะเมล็ดทับทิมออกจากผล แล้วใส่รวมกันในผ้าขาวบาง บีบคั้นเอาแต่น้ำ ส่วนผลไม้ชนิดอื่นๆ นำไปคั้นเอาแต่น้ำเช่นกัน เมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดแล้วให้นำไปผสมรวมกัน จากนั้นนำไปเขย่ารวมกับน้ำแข็งก้อนใหญ่เพียงชั่วครู่ ก็จะได้เครื่องดื่มรสเปรี้ยวอมหวานที่เย็นจับใจ ดื่มได้ทันที.

มีวิธีผ่อนคลายก่อนเข้านอนมาบอก


1 ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
ก่อนการเข้านอน ถ้าจำเป็นต้องดื่ม ก็ควรดื่มไม่เกิน 2 แก้ว

2 ปิดโทรศัพท์ก่อนเข้านอน เพื่อไม่ให้มีใครโทรมารบกวนเวลาที่ใกล้จะหลับ

3 นอนที่ที่รู้สึกสบายที่สุด และเป็นที่นอนที่ไม่เป็นแอ่ง
เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังและปวดไหล่ตอนตื่นนอนได้

4 เลือกหมอนที่รู้สึกว่านอนแล้วรับกับลำคอ

5 อาจเปิดเพลงช้าๆ ฟังสบายๆ เพื่อทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
อาจเป็นพลงบรรเลงเบาๆ หรือฟังเพลงโปรดก็ได้

6ก่อนนอนพยายามเปิดแสงไฟนวลตา หรือไฟสีเหลืองส้มจะทำให้ดวงตา
ปรับแสงได้ดี ประสาทตาทำงานน้อยลง หลังจากปิดไฟนอนจะหลับสบายมากขึ้น

7 ก่อนนอนใส่เสื้อผ้าสบายๆ เลือกใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าสบายๆ
ไม่หนามากจนเกินไป เพื่อให้เหมาะกับอากาศ เและไม่ควรใส่ชุดชั้นในเวลานอน

8ค่อยๆล้มตัวลงนอนกับหมอนนุ่มๆ แล้วสูดหายใจเข้าออกยาวๆ หลายๆครั้ง
เมื่อเริ่มรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เตือนแป้งพับแบรนด์เนมปลอม เสี่ยงมะเร็ง

กรมวิทย์เตือนใช้แป้งพับแบรนด์เนมปลอม เสี่ยงมะเร็ง ชี้ปนเปื้อนสารโลหะหนักเพียบ ทั้งสารหนู ตะกั่ว แคดเมียม และปรอท

เมื่อวันที่ 24 ส.ค.53 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้นำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง "การปนเปื้อนโลหะหนักในแป้งผัดหน้าชนิดอัดแข็ง หรือแป้งพับ" ซึ่งจากการสุ่มตรวจตัวอย่างจากร้านค้าตามชายแดน พบการปนเปื้อนโลหะหนักในตัวอย่างที่สุ่มตรวจเกิน 12 ตัวอย่าง จาก 70 ตัวอย่าง โดยมีการปนเปื้อนสารหนูมากที่สุด รองลงมาเป็นตระกั่ว แคดเมียม และปรอท

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุด้วยว่า แป้งพับที่ปนเปื้อนโลหะหนักส่วนใหญ่เป็นแป้งพับที่ลอกเลียนแบบยี่ห้อดังของต่างประเทศ โดยเฉพาะจากฝรั่งเศสและอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีแป้งพับก๊อบบี้แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีที่กำลังฮิตในตลาดด้วย ดังนั้น จึงขอเตือนผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ไม่ระบุสถานที่ผลิต วันผลิต และวันหมดอายุ

ด้าน นายชัยพัฒน์ ธิตะจารี เภสัชกรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 กล่าวว่า สารปนเปื้อนโลหะหนักเหล่านี้ หากดูดซึมเข้าร่างกายเป็นเวลานาน จะทำให้ไตทำงานผิดปกติและอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ คล้ายกับที่ร่างกายได้รับสารตกค้างจากโรงงานอุตสาหกรรมและมลภาวะที่เป็นพิษ

ทั้งนี้สามารถตรวจรายชื่อเครื่องสำอางที่พบสารห้ามใช้ตามที่ อย. เคยประกาศ ได้ที่ http://www.fda.moph.go.th/www_fda/fdamain.php หรือหากพบยา เครื่องสำอาง อาหาร น่าสงสัยโทรสายด่วน อย. 1556


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ป้องกันแสงแดดให้ได้ผล




ป้องกันแสงแดดให้ได้ผล (Hair)

1. ทาครีมกันแดดล่วงหน้า 30 นาทีก่อนเผชิญแสงแดด และทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง และทุกครั้งหลังว่ายน้ำควรจะทาครีมกันแดดซ้ำอย่างน้อยอีก 1 ครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันผิวอีกชั้นหนึ่ง

2. เลือกใช้ครีมกันแดดสำหรับกิจกรรมทางน้ำ ที่มีคำว่า Water Proof (ที่จะกันแดดได้นาน 80 นาที) และ Water Resistant (จะกันแดดได้นาน 40 นาที) ทุกครั้ง

3. ทาครีมกันแดดซ้ำบ่อย ๆ และควรจะทาเลยไปที่บริเวณคอและแขนด้วยเพื่อความงามอย่างทั่วถึง

4. การเติมครีมกันแดดในระหว่างวัน โดยไม่ต้องล้างหน้านั้น ให้ซับเหงื่อซับมันออกจากหน้าเสียก่อน แล้วใช้นิ้วกลางป้ายครีมมาแตะ ๆ ให้ทั่วหน้า แทนการละเลงครีมไปทั่วหน้า ก่อนจะทาแป้งซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

5. แม้จะทาครีมกันแดดหลังจากตากแดดแรง ๆ แล้ว ควรดื่มน้ำตลอดเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ (Dehydrated) ตรงไหนที่ตากแดดแรง ๆ เป็นเวลานาน ควรจะทา After Sun ที่ช่วยให้บรรเทาอาการแสบร้อน เลือกที่มีส่วนผสมของวิตามินอีและว่านหางจระเข้ และไม่ควรโดนแดดแรง ๆ อีกสักพัก

6. แยกใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าและผิวกาย ควรใช้เฉพาะจุดที่กำหนด เช่น ใช้ทาหน้า ทาตัว ทามือ และที่สำคัญควรตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุด้วย ควรเลือกวันที่ผลิตจนถึง ณ ปัจจุบันมีอายุไม่เกิน 1 ปี

7. ถ้าผิวกลายเป็นสีชมพูเข้ม รู้สึกร้อนและไหม้ ให้ประคบผิวบริเวณนั้นด้วยน้ำเย็นผสมนมสด ห้ามใช้น้ำแข็งประคบเพราะจะทำให้ยิ่งไหม้ จากนั้น ชโลมผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของอโลเวรา และไม่ควรใช้สบู่ หรือครีมอาบน้ำถูโดยเด็ดขาด

8. แต่ถ้าผิวเป็นสีแดงจัด เป็นรอยย่นจนเห็นได้ชัด ควรอาบน้ำและชโลมผิวเหมือนข้อแรก ทานยาแอสไพรินทุกๆ 4 ชั่วโมง จากนั้นให้ไปพบแพทย์ แต่ถ้าพบว่ามีผิวเป็นสีแดง มีตุ่มน้ำใส ๆ มีไข้ หนาวสั่น ให้ทานยาแอสไพรินแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที

9. ในช่วงเวลากลางวัน ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาพอที่จะป้องกันแสงแดดที่ส่องผ่านเข้าสู่ผิวหนัง รวมทั้งแว่นตาป้องกันรังสี UVB อันเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นบริเวณหนังตาที่บอบบางและไวต่อแสงเป็นพิเศษ รวมทั้งถุงมือที่ช่วยป้องกันบริเวณหลังมือที่มักเป็นตำแหน่งที่เกิดมะเร็ง ผิวหนังมากที่สุดเช่นกัน

6 สูตรพอกหน้า ขัดผิว ด้วยวิธีธรรมชาติ

6 สูตรพอกหน้า ขัดผิว ด้วยวิธีธรรมชาติ (Momy Pedia)



สูตรความงามที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและหาง่ายใกล้ตัว ไม่ต้องเสียเวลาไปเสาะหาครีมบำรุงผิว หรือครีมพอกหน้าราคาแพง เพราะ 6 สูตรความงามที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและหาง่ายใกล้ตัวเหล่านี้ จะช่วยให้ผิวพรรณของคุณสดใส เปล่งปลั่ง และห่างไกลจากสิ่งแปลกปลอมในเครื่องสำอาง ที่เข้ามากล้ำกรายทำร้ายความงามของคุณ

สูตร 1 ครีมพอกหน้าแตงกวา (เหมาะสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม)

ส่วนผสม ใช้แตงกวา 1 ผล ไข่ไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 1 เสี้ยว

วิธีทำ หั่นแตงกวาเป็นแว่นบาง ๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาว และบีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ

หมั่นทำบ่อย ๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และช่วยสมานผิวหน้า กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึงและและนุ่มนวลชุ่มชื้น

สูตร 2 พอกหน้าด้วยมะขามเปียก

ส่วนผสม มะนาวเปียก 1 ก้อน ดินสอพอง 2-3 เม็ด

วิธีทำ นำมาขยี้รวมกันจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างสะอาดผิวหน้าก็จะสดใส เต่งตึง เรียบเนียนขึ้น

สูตร 3 โทนเนอร์น้ำผลไม้

ส่วนผสม น้ำแตงกวา มะเขือเทศ มะนาว และแตงโม อย่างละ 1 ช้อนชา

วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งหมดกวนให้เข้ากัน ใช้สำลีจุ่มส่วนผสมเช็ดเบา ๆ ให้ทั่วหน้า น้ำผลไม้สูตรนี้จะช่วยสมานผิวและกระชับรูขุมขนเหมือนการใช้โทนเนอร์

สูตร 4 ครีมบำรุงผิวจากแตงกวา

ส่วนผสม แตงกวา

วิธีทำ นอกจากแตงกวาจะนำมาใช้บำรุงผิวหน้าแบบง่ายๆ ที่เห็นกันบ่อยๆ คือ การฝานแตงกวาเป็นแผ่นบาง ๆ แปะไว้ตามใบหน้า วิตามินซีที่อยู่ในแตงกวาจะทำให้รู้สึกผิวนุ่มทันทีหลังใช้ อีกทั้งการนำแตงกวามาบด แล้วใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำแล้วนำมาถูตัว จะรู้สึกหอมเย็นสบาย และช่วยให้ผิวสะอาด ไม่แห้งเป็นขุยอีกด้วย

สูตร 5 พอกหน้าด้วยขมิ้นสด

ส่วนผสม ขมิ้นสดเล็กน้อย ดินสองพอง 2-3 เม็ด มะนาว 1ผล (เอาแต่น้ำ)

วิธีทำ ล้างขมิ้นสดให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ รวมกับดินสอพองและน้ำมะนาวจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน พอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สูตร 6 สูตรอายุรเวทตำรับแพทย์อินเดียโบราณ

ส่วนผสม น้ำสับปะรดหรือมะละกอคั้น 1 ช้อนโต๊ะ ไข่แดงครึ่งช้อนชา น้ำส้มแอ๊ปเปิ๊ลไซดอร์ 1 ช้อนชา

วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งมากวนให้เข้ากัน ต่อจากนั้นนำมาทางบนมือหรือเท้า ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงล้างออก คุณจะสัมผัสความนุ่มและคืนความชุ่มชื้นของผิวพรรณ สูตรนี้สามารถใช้ได้ทั้งมือและเท้า เป็นสูตรที่ผสมขึ้นจากธรรมชาติ จึงไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผิวสวย ๆ ของคุณ

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

5 วิธีง่าย ๆ ป้องกันเชื้อราที่มากับหน้าฝน (Woman's Story)







เมื่อมีฝน สิ่งที่ตามมาก็คือความเปียกชื้นแล้วก็เชื้อรานะคะ เพราะฉะนั้น หากไม่อยากให้เชื้อรารุกล้ำเข้ามาทำร้ายก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ หลังจากไปโดนฝนมาค่ะ ซึ่งวันนี้ก็มีเกร็ดความรู้ในเรื่องนี้มาแนะนำให้เอาไปใช้กันค่ะ


1.ยกเท้าสูงเข้าไว้

เวลาเดินลุยน้ำขัง ไม่ควรเดินให้เท้าอยู่ใต้น้ำ เพราะอาจไปเดินไปเตะโดนของมีคม หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เกิดแผลได้ ซึ่งเมื่อเกิดแผลก็ทำให้เกิดการติดเชื้อได้

2.ทำความสะอาดทันที

เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบถอดรองเท้า ถุงเท้าออก และทำความสะอาดโดยใช้สบู่ฟอกให้ทั่วตรงบริเวณที่โดนน้ำ โดยเฉพาะซอกนิ้ว ซอกเล็บ ล้างให้สะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง และทาแป้งบนหลังเท้าจะช่วยทำให้เท้ารู้สึกสบายไม่อับชื้น

3.อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

เพื่อไม่ให้เป็นการหมักหมมของเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มากับน้ำ ให้รีบอาบน้ำชำระล้างร่างกายทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน แต่ถ้าไม่สามารถอาบน้ำได้ ก็ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แทนได้ จะได้ไม่เป็นหวัด

4.สระผมให้สะอาด

เพื่อเป็นการกำจัดเชื้อโรคที่มากับฝนก็ควรสระผมให้สะอาด และควรรอให้แห้งก่อนเข้านอน ไม่อย่างนั้นอาจเป็นรังแคหรือเชื้อราได้

5.เตรียมพร้อมรับมือเสมอ

เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝนควรพกร่มติดตัวไว้เสมอ พร้อมทั้งดูแลตัวเองให้อับชื้นน้อยที่สุด จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อราได้มากขึ้น

เติมสีสันเพิ่มเสน่ห์เรียวปาก (Woman's Story)


ตัวช่วยของเรียวปากสวยอย่างหนึ่งก็คือ ลิปสติก ซึ่งจะช่วยเพิ่มเสน่ห์และสีสันได้อย่างโดดเด่น แต่จะต้องรู้จักวิธีเลือกลิปสติกที่ถูกต้องและเหมาะกับตัวเอง...

ลิปสติกสีมันวาว ช่วยให้สีปากจริงของสาว ๆ ดูโดดเด่นออกมา ริมฝีปากดูอวบอิ่มกว่าลิปสติกสีทึบด้าน อีกทั้งมีคุณสมบัติช่วยบำรุงริมฝีปากอีกด้วย

ลิปสติกเนื้อครีม นับว่าเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ มากที่สุด เพราะให้ความนุ่มเนียน และติดทนนาน แต่ต้องพิถีพิถันในการเลือกสีให้เหมาะกับตัวเอง

ลิปสติกเนื้อมุก ลิปสติกประเภทนี้ ไม่เหมาะกับทุกคน เพราะคุณสมบัติในการสะท้อนแสง จะทำให้ริมฝีปากดูเต็มอิ่มมากขึ้น ใครที่มีริมฝีปากที่แห้ง แตก ไม่ควรใช้

ลิปสติกสีด้าน เป็นลิปสติกที่ติดทนนานที่สุด แต่ลิปสติกสีด้านจะทำให้ริมฝีปากแห้งมาก จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีริมฝีปากแห้งแตกอยู่แล้ว


นอกจากการเลือกประเภทของลิปสติกให้เหมาะกับเรียวปากแล้ว ยังต้องคำนึงถึงสีผิวของตัวเองด้วยว่าสีแบบไหน เหมาะกับสีผิวของเรา...

สาวที่มีผิวซีดมาก ควรใช้สีอ่อน ๆ เช่น สีนู้ด เบจ คอรัลอ่อน ๆ หรือชมพูอ่อน ๆ และให้เลือกลิปสติกเนื้อมันวาว

สาวที่มีผิวสีปานกลาง ให้ลองลิปสติกสีโมฟโทนน้ำตาล สีเบอร์รี่ใส ๆ หรือน้ำตาล และควรเลือกใช้ลิปสติกสูตรเนื้อครีม จึงจะเหมาะที่สุด

สาวผิวเข้ม ดูดีได้ด้วยลิปสติกสีเข้มอิ่ม ๆ เช่น เบอร์กันดีเข้ม ช็อกโกแลต และพลัม จะใช้สูตรลิปสติกเนื้อวาว ครีม ด้าน หรือมุกก็ได้ทั้งนั้น

สุดยอด 5 อาหารบำรุงผิว






ยุคนี้กระแส Anti-aging medicine กำลังมาแรงทั่วโลก ผิวพรรณดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ว่าสาวเล็ก สาวใหญ่ ก็ล้วนปรารถนาผิวพรรณที่ผุดผ่องกันทั้งนั้น ครั้นจะพึ่งพาแต่เครื่องประทินผิวภายนอกอย่างเดียวก็คงจะไม่เพียงพอ เพราะผิวพรรณที่ดีต้องออกมาจากภายใน วันนี้เราได้รวบรวมและประมวลสุดยอด 5 อาหารบำรุงผิวมาฝากคุณสาว ๆ กันด้วยค่ะ

1. เนื้อปลาแซลมอน

อาหารที่เราคุ้นเคยกันดี ที่นอกจากจะมีโปรตีนช่วยสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรมสูงแล้ว เนื้อปลาบางชนิดที่มีไขมันมาก เช่น ปลาแซลมอน ก็อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา 3 ที่ช่วยเพิ่มความต้านทานให้กับชั้นปกป้องผิว ที่เป็นชั้นเก็บกักความชุ่มชื้นและป้องกันการแพ้

นอกจากนี้เนื้อปลายังอุดมไปด้วยวิตามินดี ที่ช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดความเสียหายจากมลภาวะรอบตัว และมีสารซีลีเนียม (Selenium) ที่ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชรา และความเสื่อมของร่างกายค่ะ

2. น้ำมันมะกอก

ถึงแม้น้ำมันมะกอกจะเป็นน้ำมันจากพืชที่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีแคลอรี่สูงก็จริง แต่ก็มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชั้นดี ที่เป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และที่สำคัญในน้ำมันมะกอกอุดม ด้วยวิตามินเอและวิตามินอี ที่ทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ทำให้ผิวดูอ่อนวัย มีความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม

3. บร็อกโคลี

ผักสีเขียวที่เป็นแหล่งของวิตามินเอและซี โดยที่วิตามินเอมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยในเรื่องการป้องกันการเสื่อมอายุของผิวหนัง ซ่อมแซมผิวหนังที่เสียไป และยังมีความสำคัญต่อกระบวนการเติบโตของผิวหนังให้มีการทำงานอย่างปกติ ช่วยให้ผิวหนังไม่แห้ง และยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ

ส่วนวิตามินซีเป็นสารอาหารสำคัญในการช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง มีความยืดหยุ่น และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายรวมถึงผิวหนังของเราด้วย

4. ถั่วลิสง ถั่ววอลนัต และอัลมอนต์

ไม่ว่าจะเป็นถั่วลิสง ถั่ววอลนัต หรืออัลมอนด์ ล้วนมีวิตามินบีสูง ซึ่งวิตามินบีมีความสำคัญต่อสุขภาพผิวหนังมาก เพราะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทำให้ผิวหนังไม่ซีด ทั้งยังเพิ่มภูมิต้านทานต่อการเสื่อมสลายของเซลล์ผิว นอกจากนั้นการกินถั่วสัก 1 กำมือต่อวัน ยังช่วยเพิ่มระดับวิตามินอี ที่เป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญต่อผิวหนังของเรา ถั่วจึงดีต่อทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่ผิวแห้งค่ะ

5. น้ำสะอาด

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำ ลองดื่มน้ำเปล่าสะอาด ๆ เนี่ยล่ะค่ะให้ได้วันละ 2 ลิตร ติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำบริสุทธิ์ในปริมาณที่ต้องการ และคุณจะสังเกตเห็นความแตกต่างของผิวพรรณ เพราะการดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่งชุ่มชื้นอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากเรื่องอาหารการกินที่ต้องดูแลแล้ว ก็ต้องไม่ลืมออกกำลังกาย ทำอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ และพักผ่อนให้เพียง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกายดี ส่งผลให้ผิวพรรณก็จะเปล่งปลั่งไปในตัวค่ะ

รักแรก ...ลืมยากจริงหรอ






มีหลายคนเคยบอกว่า... รักครั้งแรกนั้นลืมยาก เพราะมันคือความรู้สึกพิเศษบางอย่างครั้งแรก ที่ได้รู้สึกกับใครสักคนเป็นคนแรก แม้ความรักจะทำให้โลกสดใส แต่... ความรักก็ทำให้เราปวดใจ (แทบตาย) ได้เหมือนกัน ยิ่งเป็น "รักครั้งแรก" ที่ต้องเจอกับ "ความผิดหวัง" แผลเป็นในใจครั้งนั้น ก็พร้อมจะเกิดการอักเสบขึ้นได้ทุกเมื่อ เมื่อมีอะไรไปสะกิดรอยแผล (ใจ) ให้เจ็บจี๊ด หลายคนที่เคยเจ็บปวดกับ "รักแรก" มักรอให้เวลาช่วยบรรเทารอยแผลในใจ แต่อย่าลืมว่า... เวลาไม่ช่วยอะไร หากใจมันไม่ยอมลืม