วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

มองด้วยใจ...ใช้เมตตา



อันคนเรา...มีหลากหลาย...ให้ค้นหา
ไม่มีใคร...เลิศค่า...หรือตื้นเขิน
คนเรานั้น...มีดีชั่ว...เป็นแนวเนิน
อย่าประเมิน...คิดหมิ่น...จงเมตตา


*******************************

คนเราเกิดมาด้วยจิตใจที่ไม่เหมือนกัน คือพื้นฐานของจิต

ตอนถือปฏิสนธินั้นไม่เหมือนกัน จึงมีอุปนิสัยแตกต่างกันมาตั้งแต่เยาว์ เมื่อกระทบกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอีกก็ทำให้บุคคลแตกต่างกันไปเป็นอันมาก

การอยู่รวมกันของคนหมู่มากที่มีอุปนิสัยใจคอพื้นฐานทางใจ และการอบรมที่แตกต่างกัน จึงมีปัญหามาก ถ้าเราถือเล็กถือน้อย ไม่รู้จักให้อภัย เราก็จะมีความทุกข์มาก

บางทีก็เกี่ยวกับช่องว่างระหว่างวัย ผู้ใหญ่อยากจะให้เด็กทำ พูด และคิดอย่างตน ส่วนเด็กก็อยากจะให้ผู้ใหญ่ทำพูด คิด อย่างตนเหมือนกัน ซึ่งโดยทั่วๆ ไปแล้วเป็นไปไม่ได้

ฝ่ายผู้ใหญ่ควรให้อภัยว่าแกเป็นเด็ก ส่วนเด็กก็ควรให้อภัยว่าท่านแก่แล้ว มาเข้าใจกันเสีย คือเห็นใจซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นดังนี้เรื่องเล็กก็จะไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่ ทุกฝ่ายอยู่กันด้วยความเห็นใจ เข้าใจ มองกันอย่างเป็นมิตร ไม่เป็นศัตรูต่อกัน




ข้อมูลจากหนังสือ ซีเคร็ต

มะเขือโรยงา (เดนงะคุ นะซุ)



ส่วนผสม


มะเขือม่วง 500 กรัม
• งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเต้าเจี้ยวขาว 3 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ


หั่นมะเขือออกเป็นท่อนยาวประมาณท่อนละ 3 นิ้ว หรือถ้าลูกเล็กให้ใช้ทั้งลูก
• ใช้ส้มหรือตะเกียบแทงมะเขือ 2-3 แห่ง เพื่อให้สุกง่าย
• เทน้ำมันให้สูงจากก้นกระทะ 1/8 นิ้ว นำไปตั้งเตาโดยใช้ไฟแรง เมื่อมีควันขึ้นบางๆ ใส่มะเขือลงทอด หร่ไฟให้เป็นสีเหลือง
• ปิดฝากระทะให้สนิท ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3-4 นาที ในการทอดแต่ละด้านจนกระทั่งมะเขือสุกนิ่ม ยกลงจากเตา
• ใช้พายยางทาส่วนบนของมะเขือด้วยน้ำเต้าเจี้ยวแล้วโรยงาทั่ว







เรายิ้มรับความเศร้าได้



แม้ชีวิตจะลำเค็ญ แม้ว่าบางครั้งจะยิ้มได้ยาก
แต่เราต้องพยายาม...
อย่างเช่นเวลาเอ่ยทักทายให้พรกันว่า

"อรุณสวัสดิ์" ก็ต้องเป็น "อรุณสวัสดิ์" อย่างแท้จริง

ไม่นานมานี้มีเพื่อนคนหนึ่งถามฉันว่า
"ดิฉันจะเคี่ยวเข็ญให้ตัวเองยิ้มได้อย่างไร
ในขณะที่โศกเศร้า มันไม่เป็นธรรมชาติเลย"

ฉันตอบว่า
เธอต้องยิ้มรับความเศร้าให้ได้
เพราะเราเป็นมากกว่าความโศกเศร้า

มนุษย์คนหนึ่งเปรียบเสมือนเครื่องรับโทรทัศน์ที่มีนับล้านๆช่อง
เมื่อเปิดไปช่องพุทธะเราก็เป็นพุทธะ
หากเปิดไปช่องโศกเศร้า เราก็เป็นความโศกเศร้า

ครั้นเมื่อเปิดไปช่องยิ้ม
เราก็กลายเป็นความยิ้มแย้มได้จริงๆ
หาควรปล่อยให้ช่องใดช่องหนึ่งมีอิทธิพลครอบงำไม่

เรามีเมล็ดพันธุ์ที่จะเป็นได้ทุกอย่างอยู่ภายใน
เราต้องยึดกุมสถานการณ์ไว้ในกำมือให้ได้
เพื่อฟื้นอำนาจในตัวเราเองกลับคืนมา


ที่มา
fwm

ฟักทอง เต็มเปี่ยมด้วยประโยชน์



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

หนึ่งในพืชสีเหลืองที่เรามักจะเห็นคนนำมาประกอบอาหารอยู่บ่อย ๆ ก็คือ "ฟักทอง" นั่นเอง เพราะ "ฟักทอง" สามารถประกอบอาหารคาว-หวานได้สารพัดเมนู จึงไม่แปลกที่ "ฟักทอง" จะเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน

แล้วรู้ไหมคะว่า "ฟักทอง" นอกจากอิ่มอร่อยแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาอีกต่างหาก เอ้า...ถ้ายังไม่ทราบวันนี้เราขอเอาใจคนรัก "ฟักทอง" ด้วยการนำเรื่องราวประโยชน์ของ "ฟักทอง" มาเสิรฟ์ถึงมือคุณเลยค่ะ

ฟักทอง เป็นพืชตระกูลมะระ ชนิดไม้เถาขนาดใหญ่ ผิวมีลักษณะขรุขระ เนื้อในสีเหลืองนิ่ม มีเมล็ดสีขาวแบน ๆ ติดอยู่ ซึ่งแต่ละส่วนของ "ฟักทอง" มีสรรพคุณทางมากมาย คือ

เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง และที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ "เบต้าแคโรทีน" ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ แถมเบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี

เปลือกฟักทอง มีฤทธิ์ทางยามากมาย หากทานฟักทองทั้งเปลือก จะสามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง แต่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ

ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย

เมล็ด ประกอบด้วยแป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน รวมทั้งสารที่ชื่อว่า "คิวเคอร์บิติน" (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี และยังช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ น้ำมันจากเมล็ดฟักทองยังช่วยบำรุงประสาทได้ดี และยังมีกรดอะมิโนบางชนิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากของผู้ชายขยายใหญ่ขึ้น และช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ

ราก น้ำมาต้มน้ำใช้ดื่มแก้อาการไอได้ และยังช่วยบำรุงร่างกาย ถอนพิษของฝิ่นได้

เยื่อกลางผล สามารถนำมาพอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวด อักเสบได้

อีกนานไหม หัวใจจึงจะกล้าเดิน


อีกนานไหม หัวใจจึงจะกล้าเดิน (ริมทะเล)


หลับตาลงพร้อมน้ำตา
ตื่นขึ้นมากับความปวดร้าว
ไม่ลืมสักที . . . นิทานเรื่องนี้ที่นานยาว
ทุกความทรงจำเก่าเก่า . . .
มีแต่ความเศร้าหลอกหลอนหัวใจ





เพราะหัวใจมันไม่เดินตามเข็มนาฬิกา
ทุกช่วงชีวิตหยุดเวลา . . .ไว้เพียงน้ำตาและความอ่อนไหว
น้ำตายังรวยริน . . .ทำอย่างไรถึงจะชินกับการไม่เหลือใคร
อีกนานรึเปล่านะหัวใจ . . .ถึงจะกล้าเดินต่อไปอย่างแข็งแรง




มาถึงวันนี้ฉันจำไม่ได้แล้วว่า . . .
น้ำตากี่ล้านที่หยดกระทบแสงจันทร์
กี่คืนและวันที่อยู่กับฝันสลาย
การเป็นคนที่คุณไม่รัก . . . ก็เจ็บหนักแทบตาย
รักคุณรักง่าย . . .แต่ลืมคุณไม่ได้ . . .ยากเหลือเกิน




อยู่ใกล้ . . .แต่คุณทำตัวเหมือนไกลกัน
เหมือนอาทิตย์กับดวงจันทร์ที่ต่างห่างเหิน
คุณทำอย่างนี้กับฉันรู้ไหมหัวใจยับเยิน
ความรักที่ขาดขาด-เกินเกิน
รู้แล้วล่ะ . . . ฉันต้องเผชิญความปวดใจ


แต่งหน้า อำพรางรอยคล้ำใต้ตา



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ปัญหาใต้ตาคล้ำ กลายเป็นปัญหาใหญ่ของผู้หญิงหลายคน หากเป็นวันหยุดพักผ่อน คุณอาจสามารถดูแลผิวพรรณใต้ดวงตาให้กลับมาสดใสขึ้นได้ แต่... ถ้าวันนั้นเป็นวันที่ต้องออกไปทำงานล่ะ ใต้ตาคล้ำแบบนี้จะทำอย่างไร...?

วันนี้เรามีวิธีช่วยสาว ๆ ด้วยการแต่งหน้าอำพรางรอยคล้ำใต้ตา ว่าแล้วเราไปดูกันเลยดีกว่า ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง...

ให้ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ชนิดเนื้อบางเบา ที่บริเวณใต้ตาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว

จากนั้นใช้กระดาษทิชชู่ค่อย ๆ ซับส่วนที่เกินออกมาให้สะอาด

เริ่มลงรองพื้นโดยเลือกใช้ครีมรองพื้นที่มีสีอ่อนกว่าผิวจริงเล็กน้อย

ใช้ฟองน้ำแบบชื้นเกลี่ยให้เรียบเนียน

ลงแป้งฝุ่นโปร่งแสงสีอ่อน โดยใช้แปรงเล็กค่อย ๆ เกลี่ยทับอีกที เพื่อให้ดูกลมกลืนกัน

ทีนี้... คุณก็กลับมาเป็นสาวมั่นได้อีกครั้งแล้ว แต่ถ้าจะให้ดี คุณควรพักผ่อนให้เพียงพอดีกว่า...


Tips

การลงรองพื้นเพื่อปกปิดรอยหมองคล้ำใต้ตานั้น ควรเน้นบริเวณมุมของหัวตาให้มากเป็นพิเศษ เพราะส่วนนี้จะฟ้องอาการพักผ่อนไม่พอมากที่สุด ข้อสำคัญ อย่าหนักมือมาก เพราะอาจทำให้คุณมีสีใต้ตาเข้มกว่าเก่าอีก

หากรอยหมองคล้ำของคุณเข้มจัด แนะนำให้ใช้คอนซีลเลอร์ (ครีมปกปิดริ้วรอย) ชนิดเนื้อครีม โดยใช้โทนสีที่สว่างกว่าผิวมากหน่อย แตะเบา ๆ แล้วเกลี่ยให้เนียนค่ะ



15 ประโยชน์สุดแจ่มของ ยาสีฟัน (ลิซ่า)






นอก จากจะทำให้ฟันสะอาดสดใสแล้ว ยาสีฟันยังใช้งานได้อย่างวิเศษกับของอย่างอื่นที่ไม่ใช่ฟันด้วยล่ะ และนี่คือการใช้ยาสีฟันแบบสีขาว (เว้นแต่บอกไว้อย่างอื่น) กับงานต่าง ๆ รอบบ้านและรอบตัวคุณ

1. บรรเทาอาการระคายเคืองจากแมลงกัดต่อยหรือแผลพุพอง ทายาสีฟันลงไปบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อยโดยตรง มันจะบรรเทาอาการคันและลดความบวมลงได้ ส่วนแผลพุพองยาสีฟันจะทำให้แผลแห้งและหายเร็วขึ้น โดยควรทาทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด

2. บรรเทาแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก สำหรับแผลเล็กน้อยที่ไม่มีรอยเปิด ยาสีฟันจะให้ความเย็นที่ช่วยบรรเทาอาการได้ โดยต้องทาลงไปทันทีหลังเกิดรอยแผล

3. กำจัดสิว อยากให้สิวหายเร็วขึ้นงั้นหรือ? ลองทายาสีฟันลงบนสิวแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกในตอนเช้าสิ สิวจะยุบลงและหายเร็วขึ้น

4. ทำความสะอาดเล็บ ทั้งเล็บและฟันมีส่วนประกอบของกระดูกเหมือนกัน ยาสีฟัน จึงดีกับเล็บเช่นกันเพราะฉะนั้นอย่าลืมใช้แปรงและยาสีฟันขัดเล็บเป็นประจำ เพื่อช่วยให้เล็บสะอาดเป็นเงางาม และแข็งแรงขึ้น

5. ทำให้ผมอยู่ทรง ยาสีฟันแบบเจลมีส่วนผสมของโพลีเมอร์ที่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนผสมแบบเดียวกับที่เจลแต่งผมส่วนใหญ่ใช้ ฉะนั้น ถ้าคุณมองหาอะไรที่จะสร้างสรรค์ผมซึ่งต้องการความอยู่ตัวแบบสุด ๆ แต่เจลแต่งผมเกิดขาดมือ ลองใช้ยาสีฟันแบบเจลแทนก็ได้

6. กำจัดกลิ่นเหม็น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกระเทียม หัวหอม ปลา หรืออาหารกลิ่นแรงอื่น ๆ ที่ติดอยู่บนมือ ลองใช้ยาสีฟันถูมือ มันจะช่วยกำจัดกลิ่นพวกนี้ได้

7. กำจัดรอยเปื้อน รอยเปื้อนที่กำจัดยากบนเสื้อผ้าหรือพรม ยาสีฟันสามารถช่วยได้สำหรับเสื้อผ้า ทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อนโดยตรงและขยี้เบา ๆ จนกระทั่งรอยเปื้อนหายไป แล้วซักตามปกติ (แต่ควรระวัง ถ้าใช้ยาสีฟันแบบไวเทนนิ่งบนผ้าสีอาจทำให้สีผ้าซีดลงได้) สำหรับรอยเปื้อนบนพรม ทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อน ใช้แปรงขัดจนรอยเปื้อนจางลง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

8. ชุบชีวิตรองเท้าเก่า ทำความสะอาดรองเท้าวิ่งที่สกปรกมอมแมม แต่ซักน้ำไม่ได้ ด้วยการทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อนแล้วขัดเบา ๆ จากนั้น เช็ดให้สะอาด

9. กำจัดรอยสีเทียนบนผนัง ใช้ผ้าชุบน้ำพอชื้น ๆ กับยาสีฟันขัดเบา ๆ บนรอยเปื้อน

10. ทำความสะอาดเครื่องประดับเงิน ทายาสีฟันลงบนเครื่องประดับเงิน แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นใช้ผ้าสะอาด ๆ เช็ดออกในตอนเช้า ส่วนเครื่องประดับที่เป็นเพชร ก็สามารถใช้แปรงนุ่ม ๆ ยาสีฟันเล็กน้อย และน้ำขัดเบา ๆ ให้แวววาวดังเก่าได้ แต่อย่าใช้กับมุกเพราะจะทำให้เคลือบผิวเสียหายได้

11. กำจัดรอยขีดข่วนบนซีดี ได้ผลดีกับรอยขีดข่วนตื้น ๆ และรอยเปื้อนทั่วไปแค่ทายาสีฟันบาง ๆ ลงบนแผ่นซีดี ถูเบา ๆ แล้วเช็ดด้วยน้ำให้สะอาด

12. ทำความสะอาดคีย์เปียโน น้ำมันบนผิวหนังอาจติดอยู่บนคีย์เปียโน และดึงดูดเอาฝุ่นและความสกปรกมาสะสมไว้ ทำความสะอาดมันด้วยผ้าที่ปราศจากขุยชุบน้ำพอชื้น ๆ แตะยาสีฟันเล็กน้อยจากนั้น เช็ดซ้ำด้วยผ้าสะอาด ๆ อีกผืน

13. กำจัดกลิ่นขวดนมเด็ก ถ้าขวดนมเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของนมบูด ลองใช้ยาสีฟันทำความสะอาดคราบตกค้างและกำจัดกลิ่น แต่ต้องล้างน้ำสะอาดให้หมดจดจริง ๆ ก่อนใช้

14. กำจัดรอยไหม้บนหน้าเตารีด ซิลิก้าในยาสีฟันสามารถช่วยกำจัดคราบดำ ๆ ไหม้ ๆ พวกนั้นได้

15. คืนความใสให้เลนส์ แว่นตาสำหรับว่ายน้ำหรือดำน้ำอาจขุ่นมัวได้เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก่อนจะซื้ออันใหม่ลองทายาสีฟันเล็กน้อย ลงบนกระจกแว่น ถูให้ทั่วแล้วล้างให้สะอาด แต่อย่าขัดแรงเกินไป เนื่องจากส่วนผสมที่มีฤทธิ์ในการขัดสีในยาสีฟันอาจทำให้เลนส์เป็นรอยได้

ยอดสุนัขแสนรู้ (Dogazine)




หากพูดถึงสายพันธุ์สุนัขที่แลาดที่สุดในโลก ทุกคนคงสามารถตอบได้เป็นเสียงเดียวกันว่า "บอร์เดอร์ คอลลี่" แต่คงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่า สุนัขสายพันธุ์นี้ฉลาดกว่าที่เราคิดมากมายนัก

ริโก้ สุนัขพันธุ์บอร์เดอร์ คอลลี่ น่าจะฉลาดกว่าสุนัขตัวไหน ๆ เพราะมันสามารถเรียนรู้ภาษามนุษย์ และเข้าใจคำศัพท์ได้มากกว่า 250 คำ ในขณะที่สุนัขโดยทั่ว ๆ ไป จะเข้าใจคำสั่งต่าง ๆ ได้ไม่เกิน 20 คำเท่านั้น

ริโก้ เกิดเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1994 เริ่มโด่งดังจากการศึกษาของจูเลียเน่ คามินสกี้ นักจิตวิทยาสัตว์ชื่อดัง ภายหลังเจ้าของริโก้รายงานกับเธอว่า ริโก้ สามารถจดจำคำศัพท์ได้มากกว่า 200 คำเลยทีเดียว ผลการศึกษาของจูเลียเน่บ่งบอกว่า เจ้าริโก้สามารถตอบรับคำสั่งได้ถูกต้องเฉลี่ยกว่า 37 ครั้ง จากจำนวนเต็ม 40 ครั้ง โดยริโก้ สามารถจดจำคำศัพท์ได้ราว 4 สัปดาห์ หลังจากการจดจำครั้งสุดท้ายของมัน

เจ้าของสุนัขแสนรู้ตัวนี้สอนคำศัพท์ให้มันผ่านตุ๊กตาทีละตัว อาทิ ไดโนเสาร์ ก็จะส่งตุ๊กตาให้มัน 1 ตัว ซานตาคลอส ก็ใช้ตุ๊กตาอีกตัว รวมไปถึงคำสั่งต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งมันก็จดจำได้อย่างแม่นยำ แม้จะมีตุ๊กตามากมายกว่า 250 ตัวแล้วก็ตาม ที่น่าทึ่งที่สุดก็คือ ริโก้ สามารถแยกแยะคำศัพท์ใหม่ได้ ถ้าเจ้าของวางตุ๊กตาใหม่รวมกับตุ๊กตาเก่าของมัน แล้วสั่งว่า "หยิบเบสบอลออกมาซิ" มันจะคาบตุ๊กตาตัวใหม่มาให้ทันที ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักคำว่าเบสบอลมาก่อน แต่ใช้การเดาว่า นั่นคือสิ่งที่เจ้านายต้องการ เพราะตุ๊กตาตัวอื่นมีชื่อที่มันจำได้แล้วนั่นเอง

ปัจจุบัน แม้ ริโก้ จะอายุมากถึง 16 ปีแล้ว แต่มันยังคงเป็นขวัญใจของใครหลาย ๆ คนทั่วโลก จนถูกยกย่องให้เป็น "สุนัขที่ฉลาดที่สุดในโลก" ไปโดยปริยาย

เรื่องอะไรบ้าง ที่อยากลืม แต่กลับจำ98



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เคยสังเกตไหม...ในจำนวนสิ่งที่เราอยากจำกลับมีหลายสิ่งที่เราจำไม่ได้ แม้ว่าเราอยากจำมันได้มากขนาดไหน เช่น ลืมของ ลืมนั่น โน่น นี่ อยู่ตลอดเวลา โดยมากเรื่องที่อยากจำมักจะเป็นเรื่องใกล้ตัว สิ่งที่ต้องทำ หรือต้องใช้ รวมถึงเรื่องราวดี ๆ ความทรงจำที่ประทับใจ เรื่องที่คิดถึงแล้วมีความสุข

ตรงกันข้าม ในจำนวนสิ่งที่อยากจะลืม ก็ไม่น่าเชื่อว่าหลายเรื่องเราสามารถจำมันได้ไม่เคยลืม ซึ่งเรื่องที่อยากลืมมักจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี นึกถึงแล้วรู้สึกแย่ เสียใจ หรือรู้สึกผิด ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า...

จำได้ไหมเอ่ย..ขี่จักรยานเป็นกันเมื่อไหร่ ?137





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เห็นจั่วหัวมาแบบนี้ เพื่อน ๆ หลายคนอาจต้องมานั่งนึกย้อนเวลากันนานสักหน่อย หรือบางคนอาจนานจนจำแทบไม่ได้เลยล่ะ (อิอิ)

...แต่ถ้าลองนึกดี ๆ การหัดปั่นจักรยาน(สองล้อ)ครั้งแรก มันเป็นเรื่องที่ระทึกสุด ๆ และเวลาที่เห็นเพื่อนขี่ได้ เราก็อยากจะขี่ได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลายคน เพราะการหัดขี่จักรยาน มักจะต้องได้บาดแผลเป็นของฝาก และความทรงจำ ถึงขนาดว่ากันว่า จะขี่จักรยานเป็น ต้องมีวีรกรรมเจ็บตัว

เอ...ว่าแต่เพื่อน ๆ ล่ะ ยังจำกันได้ไหมเอ่ย ขี่จักรยานเป็นกันตอนอายุเท่าไหร่ มีแผลกันกี่แผล และใครบ้างที่ยังขี่จักรยานไม่เป็นสารภาพมาซะดี ๆ (หุหุ)

กินของหวานอย่างไร...ไม่อ้วน


กินของหวานอย่างไร...ไม่อ้วน (Momypedia)
โดย: kant

เคล็ดลับเลือกกินของหวานแบบไม่เพิ่มน้ำหนักให้กลุ้มใจ

สาว ๆ หลายคนชอบกินขนมเป็นชีวิตจิตใจ แต่จะกินอย่างไรถึงจะรักษารูปร่างได้เพรียวสวย เรามีเคล็ดวิธีเลือกกินของหวาน ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ไม่ยากมาบอกต่อค่ะ

รู้ปริมาณแคลอรี

ก่อนกินควรอ่านปริมาณแคลอรีในขนม โดยดูจากฉลากแสดงข้อมูลโภชนาการข้างกล่อง หากเป็นไปได้ควรเลือกกิน หรือซื้อชนิดที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบน้อยที่สุด

ลดแคลอรี

การตัดน้ำตาล ครีม ออกจากขนมก่อนกิน เช่น เกลี่ยน้ำตาลไอซิ่งที่โรยหน้าขนมปังออก หรือไม่ใส่กะทิในขนมหวาน จะลดพลังงานได้ถึง 81- 150 แคลอรี หรือเกลี่ยครีมหน้าขนมเค้กออก ลดพลังงานได้ถึง 160 แคลอรี

ควบคุมสัดส่วนการกิน

กินอย่างละนิดพอให้รู้รสชาติ เช่น คุกกี้ 1-2 ชิ้น เค้ก 1 ส่วน 4/ชิ้นเล็ก ไอศกรีม 1 ลูก คุณจะได้ชิมรสขนมทั้งหมดโดยได้แคลอรีเพียงครึ่งเดียว

ดื่มชาเขียว หรือกาแฟร้อนหลังมื้อขนม

กาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน หากต้องการเพิ่มรสชาติให้ใส่น้ำตาลเทียมแทน

5 นาที หลังกินขนมหวานเสร็จอย่านั่งอยู่กับที่

ออกไปเดินเล่นรอบบ้าน ๆ ประมาณ 15 นาที วิธีนี้นอกจากจะช่วยย่อยแล้ว ยังป้องกันไม่ให้ไขมันสะสมที่หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกได้อีกด้วย

30 นาที หลังกินของหวาน 5 ชั่วโมง

ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที เพื่อกำจัดแป้งและน้ำตาลก่อนกลายเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยก่อนและหลังออกกำลังกาย ควรดื่มชาเขียวร้อนหรือน้ำอุ่นเพื่อเสริมระบบเผาผลาญควบคู่ไปด้วย

งดแป้งและน้ำตาลในวันรุ่งขึ้น

มื้อเช้าและกลางวันเน้นผัก 80% โปรตีน 20% ส่วนมื้อเย็นให้กินผักผลไม้สดและดื่มน้ำเปล่าทั้งวัน

● ถูก หรือ ผิด ... กับคำว่ารัก ●


.........เค้าว่าเรื่อง “ความรัก” ไม่มีคำว่าถูกและผิด

คุณไม่ผิดที่ไปรักเค้าคนนั้น
และเค้าเองก้อคงไม่ผิดที่ไม่ได้รักคุณ

ในทางตรงข้าม
คุณไม่ผิดที่ไม่ได้รักเค้าคนนั้น
และเค้าก้อไม่ผิดที่มารักคุณเช่นกัน

.........การห้ามใจไม่ให้รักนั้นยากนัก
แต่คงเทียบไม่ได้กับการห้ามใจให้ลืมรักเพราะย่อมยากกว่า

คุณอาจทำได้เมื่อมีใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิตคุณ
แต่มันคงไม่ง่าย
ถ้าคุณต้องหักใจให้ลืมในขณะที่คุณอยู่คนเดียว

..........เค้าว่าการชนะใจตัวเองนั้นอาจดีและมีค่าที่สุด
แต่ในเรื่องความรัก
การชนะใจคนที่เรารักนั้นอาจย่อมมีค่ากว่า
แต่มันอาจมีค่ากว่านั้น
ถ้าคุณสามารถชนะใจตัวเองที่จะปฏิเสธกับความรักที่ย้อนมาหาคุณ
และมันอาจมีค่าที่สุด
ถ้าคุณยอมที่จะ “แพ้” ใจตัวเองเพื่อจะกลับไปหาความรักนั้น

...........ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน
แต่อย่าลืมว่าบนโลกไม่ได้มีแค่เค้าทั้งคู่
อย่าโกรธเค้าที่ต้องปฏิเสธรักจากคุณ
ด้วยเหตุผลว่าเราเข้ากันไม่ได้
ด้วยเหุผลว่าสังคมเราต่างกัน
ด้วยเหตุผลว่าเค้ายังรักคุณอยู่
ด้วยเหตุผลว่าเค้ารักคนอื่นที่มีค่าพอกับคุณ

............วิทยาศาสตร์อาจต้องการเหตุผล
แต่เรื่องความรักย่อมไม่ต้องการเหตุผลใดใด
คนดีอาจรักกับคนเลว
จงอย่าโทษเค้าว่าเค้ารักคนผิด
จงอย่าโทษเค้าว่าเค้ารักคนที่ไม่เอาไหน
และจงอย่าโทษตัวเองว่าเรารักคนที่ไม่ดี
เพราะสิ่งที่คุณทำนั้นถูกต้องแล้ว
จงเชื่อในสายตาของตัวเอง
จงเชื่อประตูหัวใจอันมีค่าที่เลือกจะเปิดรับเค้าคนนั้น

............แม้ใครจะพูดว่าคู่ของเราเป็นคนไม่ดี
แต่ในแง่ของความรัก
คุณทั้งสองเป็นคนดีของกันและกัน
อย่าโกรธเค้าที่บางครั้งเค้ายอมเป็นคนตาบอด
อย่าโกรธเค้าที่บางครั้งเค้ายอมเป็นคนหูหนวก
บางครั้งการไม่เห็นและไม่ได้ยิน
เพื่อรักษาและถนอมความรักเอาไว้
ก็อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

.............นิยามความรักแต่ละคนย่อมต่างกัน
ไม่แปลกที่บางคู่อาจทะเลาะกันทั้งวัน
ไม่แปลกที่บางคู่อาจหวานให้แก่กันได้ทั้งวัน
และไม่แปลกที่บางคู่ต่างเฉยชาต่อกัน
และก้อคงไม่แปลกเลยที่บางคู่อาจต่างกันราวฟ้ากับดิน

เพราะบางครั้งความรักคือ การเติมเต็ม

แต่บางครั้งความรักอาจคือ การเสียสละและการแบ่งปัน

บางคนความรักอาจเป็น การดูแลและปกป้อง

อย่าไปคิดว่าทำไมคู่เราถึงไม่เหมือนคู่ของใครเค้า
อย่าไปคิดว่าคู่เราแปลกหรือเปล่า
อย่าไปสนใจว่าเราควรเปลี่ยนแปลงอะไรมั๊ย

ถ้าจะเปลี่ยน ขอให้เพื่อรักมิใช่เพื่อเลิกรัก

วิธีแต่งหน้าให้สวยเด้ง


วิธีแต่งหน้าให้สวยเด้ง (Woman's Story)

สาว ๆ คะคุณสามารถสวยเด้งได้ทุกวันกับขั้นตอนการแต่งหน้าที่แสนจะง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก แต่สวยแป๊ะเรียกได้ว่าความสวยนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียวค่ะ ฟังแบบนี้ชักจะเริ่มสนใจกันขึ้นมาแล้วใช่มั้ยล่ะ ไปค่ะเราไปดูพร้อม ๆ กันเลย...


Step 1

เริ่มกันด้วยการบีบ BB ครีมลงที่หลังมือค่ะ จากนั้นใช้นิ้วหรือแปรงลักษณะแบน แต้มที่บีบีครีม เกลี่ยให้ทั่วใบหน้า โดย เกลี่ยจากด้านในออกด้านนอก จากนั้นลงแป้งฝุ่นให้ทั่วทั้งใบหน้าเลยค่ะ ขั้นตอนนี้อย่าใจร้อนนะคะ ค่อยเป็นค่อยไปเดี๋ยวหน้าจะไม่เนียนเด้งค่ะ

Step 2

จากนั้น เรามาเริ่มแต่งดวงตากันค่ะ ใช้อายแชโดว์สีชมพูอมม่วงทาที่เบ้าตา จากนั้นใช้สีม่วงอ่อนทาเหนือเบ้าตาบริเวณโหนกคิ้วค่ะ จากนั้นใช้แป้งไฮไลท์ที่มีชิมเมอร์ทาบริเวณโกนกคิ้วเช่นกันค่ะ ดวงตาจะดูโดดเด่นทีเดียวค่ะ

Step 3

ขั้นตอนต่อมา ปัดแก้มด้วยบลัชออนสีพีชค่ะ ปัดบริเวณจุดสูงสุดของโหนกแก้ม ปัดเป็นแนวยาวไปทางหางตาค่ะ

Step 4

ใช้ลิปคอนซีลเลอร์ ทาที่ขอบปากล่างค่ะ จากนั้นใช้ลิปสติกสีชมพูโทนเบจทาทับลงไป แล้วปิดท้ายด้วยกลอสใสค่ะ


ทำสปานวดหน้าด้วยตัวเอง18


ทำสปานวดหน้าด้วยตัวเอง (Lisa)

ถ้าไม่มีเวลาเข้าไปนวดหน้าที่สปา ทำไมไม่ทำเองที่บ้านล่ะค่ะ อาจจะทำด้วยตัวเอง หรือผลัดกันนวดกับเพื่อนก็ได้

1. ทาเคลนเซอร์ที่ใช้ตามปกติลงบนผิวหน้า และลำคอให้ทั่ว ลงมือนวดตั้งแต่ฐานคอขึ้นมาจนถึงแนวขากรรไกร โดยใช้ปลายนิ้วลูบไล้เป็นแนววงกลม จากนั้น นวดไปตามแนวขากรรไกร แก้ม ด้านข้างจมูก และคิ้ว โดยนวดไล่จากด้านในไปด้านนอก

2. ไล่นิ้วจากบริเวณใต้ตาเข้าไปทางจมูก แล้ววกกลับขึ้นไปทางหน้าผาก จากนั้น ใช้ฝ่ามือลูบจากคอขึ้นมา และจากกึ่งกลางใบหน้าออกไปด้านนอก เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

3. ทาผลิตภัณฑ์ขัดผิวลงบนผิวหน้าในขณะแห้ง แล้วนวดเป็นแนววงกลมให้ทั่วใบหน้า จากนั้น จึงเติมน้ำลงไปแล้วนวดต่ออีกรอบ เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทามาส์กพอกหน้าตามลงไปทันทีหลังล้างหน้าเสร็จ ปล่อยทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนดแล้วล้างน้ำออก

4. จบด้วยการทาครีมบำรุงตามลงไปทันที โดยใช้วิธีการนวดแบบเดียวกับตอนใช้เคลนเซอร์

ไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ ประหยัดเงินไปทำที่ร้านได้อีกด้วย ผลัดไปทำร้านบ้าง ทำเองบ้างจะได้สวยจังตังอยู่ครบนะคะ


ยกระดับการดูแลผิว เพื่อผิวอ่อนเยาว์10



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ผิวอ่อนเยาว์สวยใสจากภายใน เป็นอีกทางเลือกใหม่สำหรับคุณผู้หญิงในยุคปัจจุบัน แหม...ไม่ว่าจะสาวรุ่นไหน ๆ ก็ต้องอยากดูสวยใส สุขภาพดีอย่างยั่งยืนกันทั้งนั้น ซึ่ง ดร.แอนดรูว ไวล์ แพทย์ผู้บุกเบิกและเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนองค์รวม ได้แนะนำทางเลือกใหม่ในการดูแลผิวหน้าไปจนถึงการบำรุงผิวหน้าจากพลังของ ธรรมชาติ เพื่อความสุขสมบูรณ์งามจากภายในสู่ภายนอกมาบอกกัน โดยเริ่มจาก…

สัปดาห์ที่ 1 คืนความสมดุลสู่ร่างกาย กินอาหารที่ช่วยลดการระคายเคืองผิว และเสริมสร้างสุขภาพ พร้อมทั้งมาร์คหน้าด้วย

สัปดาห์ที่ 2 จัดระเบียบโภชนาการ เปลี่ยนเมนูอาหารจานโปรดของคุณ โดยเพิ่มปลาเข้ามาเป็นหนึ่งในเมนูประจำของคุณ

สัปดาห์ที่ 3 ออกกำลังกายให้สมองสดใส พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ด้วยการงดรับข่าวสาร และหาเวลาใกล้ชิดธรรมชาติ

สัปดาห์ที่ 4 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต โดยบริหารกล้ามเนื้อ และผิวหน้าสม่ำเสมอ

สัปดาห์ที่ 5 ฝึกหายใจอย่างเป็นระบบ ควรฝึกทุกครั้งที่รู้สึกเครียด โกรธ ไม่สบายใจ ในทุกครั้งที่หายใจออก

สัปดาห์ที่ 6 รู้จักอาหารเสริมทรงคุณค่า เติมวิตามินผิว เพิ่มสารอาหารที่จำเป็น เลี่ยงการดื่มกาแฟ-ชา

สัปดาห์ที่ 7 การนอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ งดการนอนกลางวัน และเข้านอนในช่วงเวลา 23.00-02.00 น. จะดีที่สุด

สัปดาห์ที่ 8 อย่างมีประสิทธิภาพ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ ฝึกหายใจ

เลือก ชุดแต่งงาน ให้เข้ากับสถานที่


เลือก ชุดแต่งงาน ให้เข้ากับสถานที่ (I Do)

รูปแบบการจัดงานแต่งงานในบางธีม (Theme) อาจไม่เหมาะกับชุดแสนสวยดูหรูหรา มีระบาย หรือปักเลื่อม อย่างงานที่จัดในสวน เจ้าสาวสามารถใส่ชุดสบาย ๆ อาจมีเพียงมาลัยดอกรักเสริม หรือมีมาลัยดอกกล้วยไม้คล้องคอ หรือทำหัวเข็มขัดเป็นพุ่มดอกไม้เล็ก ๆ ดูน่ารักมีเสน่ห์

ถ้าเป็นการจัดงานแต่งงานอย่างไทย เจ้าสาวสามารถใส่ชุดไทยแบบเรียบง่าย ทำผมแบบโบราณ สวมผ้าซิ่นไหมหรือมัดหมี่ ส่วนเจ้าบ่าวใส่ชุดไทยคอตั้งแขนยาว หรือชุดโจงกระเบน คล้องมาลัยดอกรักเป็นเครื่อง ประดับกูดูสวยงาม เข้ากับบรรยากาศในงานได้ดี

หากเป็นการจัดงานริมทะเล คุณเจ้าสาวก็อาจสวมใส่ชุดสบาย ๆ เป็นเสื้อสายเดี่ยวมีระบายบ้างเล็กน้อย ที่ตรงสายเสื้อตกแต่งเปลือกหอยเล็กหรือปลาดาว พร้อมกระโปรงบานมีระบาย ตกแต่งด้วยเปลือกหอยเล็ก ๆ ที่ชายกระโปรง หรือรอบเอวกระโปรง ซึ่งดูแล้วก็เหมาะสมกับสถานที่ บรรยากาศ และมีเสน่ห์ดึงดูดตา

เคล็ดลับกระตุ้นเส้นผมให้ยาวเร็ว24


เคล็ดลับกระตุ้นเส้นผมให้ยาวเร็ว (Lisa)

ถ้าคุณใจร้อนอยากให้ผมยาวเร็ว ๆ เรามีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้เส้นผมงอกยาวได้เร็วมากขึ้นมาบอกคุณแล้ว

กระตุ้นหนังศีรษะ การกระตุ้นหนังศีรษะจะช่วยให้ระบบไหลเวียนบนหนังศีรษะทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เส้นผมมีความแข็งแรงพอที่จะงอกผ่านสิ่งสกปรก น้ำมัน และเซล์ผิวเก่า ขึ้นมาได้ วิธีการคือใช้แปรงสำหรับนวดหนังศีรษะให้ทั่ว หรือจะใช้ปลายนิ้วนวดหนังศีรษะเบา ๆ แทนเป็นเวลาสองสามนาทีก่อนสระผม

เอาใจเส้นผม มองหาแชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่มีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างเชีย บัตเตอร์หรือน้ำมันอะโวคะโด เพราะความชุ่มชื้นมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เส้นผมเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ขาดหรือหลุดร่วงเพราะความแห้งหรอบไปซะก่อน

เปลี่ยนวิธีแต่งผม ความร้อนและการเสียดสีจากการแต่งผม จะทำให้เกล็ดผมและชั้นปกป้องเส้นผมเกิดความสเสียหาย ซึ่งจะทำให้เส้นผมขาดหรือหลุดร่วงได้ง่าย ฉะนั้น จึงควรใช้หวีที่มีฟันซี่ห่าง ๆ สางผม และงดใช้อุปกรณ์แต่งผมด้วยความร้อนอย่างไดร์เป่าผมและคีมรีดผมไฟฟ้า แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนทาเส้นผมให้ทั่วก่อนทุกครั้ง

สูตรพอกหน้า VS ขัดตัว แบบง่าย ๆ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ไม่ว่าจะอยู่ในสาววัยไหน ก็ต้องอยากมีผิวพรรณที่เต่งตึง แลดูสดใส ไม่ว่าจะเป็น "ผิวหน้า" หรือ "ผิวกาย" เพราะฉะนั้น วันนี้เรามีสูตรการพอกหน้าและขัดตัว ที่สามารถทำได้เองแบบง่าย ๆ ฝากกันค่ะ เริ่มจาก

สูตรพอกหน้า

โยเกิร์ตพอกหน้า : นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติ (โยเกิร์ตไม่ผสมผลไม้) แช่เย็น ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นใช้มะนาวหรือน้ำผึ้ง 1/2 ช้อนชา คนให้เข้ากันกับโยเกิร์ต และนำมาพอกหน้าให้ทั่ว (ยกเว้นรอบดวงตา) ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างออกให้เกลี้ยง ทั้งนี้ มะนาวจะเหมาะกับสาว ๆ ผิวมัน ส่วนน้ำผึ้งจะเหมาะกับคุณแม่ผิวแห้ง

สครับ กาแฟ : นำกากกาแฟสดที่ชงเสร็จแล้ว / โยเกิร์ตรสธรรมชาติ / น้ำมะนาวหรือน้ำขาม ผสมทั้งส่วนผสมทั้ง 3 อย่างให้เข้ากัน หลังจากล้างตัวสะอาดแล้ว ให้นำมาพอกที่ตัวให้ทั่วแล้วขัดเบา ๆ จะรู้สึกว่าผิวลื้นสะอาด


ขัดผิว

เกลือขัดผิว : นำเกลือเนื้อละเอียด / เบบี้ออย / น้ำผึ้ง (เล็กน้อย) ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาขัดผิวตัวให้ทั่วตามชอบ ทั้งนี้ มะนาวกับมะขามควรใส่เพียงเล็กน้อยก่อน ผิวจะได้ไม่แสบ และเวลาขัด ควรขัดวนเบา ๆ และนวดไปในทิศทางที่เข้าสู่หัวใจ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในคำว่า “รัก”

คำ ว่า "รัก" มีอะไรมากมายซุกซ่อนอยู่ในนั้น อาจจะหวานชื่น ขมขื่น หรืออะไรอื่นอีกหลากหลาย ที่จะทำให้คนรู้จัก "รัก" ได้สัมผัสและรู้สึกถึง….

ความรักเริ่มจากความคิด
เพราะ ความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก บางที.. ความรักอาจทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงความคิดไปจากเดิม อาจทำให้คนเราต้องปรับปรุงในสิ่งที่เคยทำ เพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคน

ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา
คุณจะไม่สามารถรักใครได้ ถ้าไม่รู้สึกเชื่อมั่นเสียก่อน และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น ก็คือตัวเอง

ความรักคือการให้ ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรัก
สิ่ง ที่คุณต้องทำก็คือการให้ ยิ่งให้.. คุณก็จะยิ่งได้รับสูตรลับของความสุขและทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอา ไว้เสมอก็คือ อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า

ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่
อยาก ได้รักแท้ ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้เสียก่อน การจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา แต่อยู่ที่ว่า.. ต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันหรือเปล่าหากจะรักใครอย่างจริงใจ คุณควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็น มิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโตทุก ๆ วันนั่นเอง

การสัมผัส ช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น
เคย รู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครโอบไหล่หรือกอดคุณ? การสัมผัส จึงเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่มีพลัง และช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วย น่าแปลกที่การสัมผัสสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาบางลงได้

อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย
ถ้า คุณรักใครจงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้างเพราะคุณเองคงรู้สึกอึดอัด ถ้ามีใครมาล่ามโซ่คุณ ดังนั้น.. จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดี เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความกลัวภายในใจเรียนรู้ที่จะยุติธรรมและลดทิฐิ รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ลงบ้าง


ลอง บอกตัวเองว่า.. นับแต่นี้ คุณจะทิ้งความกลัวทั้งหมด แล้วอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวคุณได้.. นับจากวันนี้ไป คุณก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที

ชีวิตจะเปลี่ยนไป

เมื่อ เราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้างและซื่อสัตย์ต่อกัน รวมถึง คุยกับคนรักอย่างเปิดเผย และกล้าที่จะพูดถ้อยคำวิเศษว่า "ฉันรักเธอ" โดยไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดลอยไป คุณควรจะบอกรักก่อนจากกันทุกครั้งเสมอ เพราะบางที นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะพบกัน!

แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน
ถ้า คุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนหนึ่งจะรู้สึกระแวง กังวล และหวาดหวั่น ขณะที่อีกคนรู้สึกอึดอัดใจ ที่สำคัญ.. คุณไม่อาจรักใครจริง ๆ ได้ ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาคนนั้นอย่างแท้จริง


ที่มา
ทำดีด็อทเน็ท

กล้วย...อาหารดีใกล้มือ



แนะนำเมนูล้างพิษด้วย ยำหัวปลี หรือสลัดดอกกล้วย (Banana Flower Salad)

ผลไม้ไทยที่อยู่คู่ครัวไทยมากที่สุด รองจากมะพร้าว แล้วก็คือ กล้วย ไปที่ไหนก็เจอกล้วย วิถีชีวิตคนไทยผูกพันกับกล้วยและต้นกล้วยมาเนิ่นนาน

แต่ฝรั่งส่วนใหญ่รู้จักแต่ กล้วยหอม บางคนก็กิน กล้วยน้ำว้า ไม่เป็น กล้วยประเภทหลังนี่แหละที่ปลูกง่าย โตเร็ว ประเดี๋ยวก็ออกผล เด็กไทยแต่เล็กๆ ก็กินกล้วยน้ำว้าครูด ดูเหมือนเราคุ้นลิ้นกับกล้วยน้ำว้า มากกว่ากล้วยหอม แต่พอโตขึ้นมาหน่อย เมนูฝรั่งมักนำกล้วยหอม จับคู่กับไอศกรีม หรือของหวานอย่างอื่น ไม่ยักใช้กล้วยน้ำว้า


แต่เอาเถอะ จะกินกล้วยชนิดไหนดีทั้งนั้น บ้านใครปลูกกล้วยจะได้ใช้ทุกส่วนของต้นกล้วย โดยเฉพาะอาหารไทยใช้ใบตองหรือใบกล้วย เป็นภาชนะธรรมชาติอยู่แล้ว ฝรั่งมองแล้วอิจฉาเพราะจะหาใบไม้ชนิดไหนมาห่อ ต้ม นึ่ง แล้วได้กลิ่นหอมชวนกินอย่างใบตองคงไม่มี พอนึกออกอาจจะมี ใบองุ่น ที่มาทำข้าวห่อใบองุ่น เป็นอาหารกรีกและคนในแถบตะวันออกกลางจนถึงแอฟริกาเหนือ คล้ายข้าวห่อใบบัวแต่เขากินใบองุ่นเข้าไปด้วย รสชาติเปรี้ยว ใบองุ่นก็เหนียว แต่ก็ได้รสได้กลิ่นแบบอาหารของคนแถวนั้น กินอาหารกับใบตองดีกว่า ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ข้าวเหนียวห่อใบตองปิ้ง ย่าง หรือนึ่งเป็นข้าวต้มมัด

ส่วนผสม ยำหัวปลี ที่มีแต่ผักล้วนๆ ได้แก่

หัวปลี 80 กรัม
บีทรูท 60 กรัม
มะม่วงดิบ 70 กรัม
สาหร่ายวากาเมะ 3 กรัม
ใบผักชี 3 กรัม
ใบสะระแหน่ 10 กรัม
หอมแดงสับละเอียด 10 กรัม
งาขาวงาดำรวม 5 กรัม
ตะไคร้สับละเอียด 10 กรัม
น้ำมะนาว 10 มล.
ผงพริก มากน้อยตามต้องการ


วิธีทำ ล้างหัวปลี ซอยบางๆ หัวบีทรูทและมะม่วงดิบ ให้ซอยเป็นเส้น ผสมทั้งหมดในชามแล้วเติมสาหร่ายกับงาขาวงาดำ บีบมะนาว เติมผงพริก จานนี้ไม่มีน้ำสลัดเพื่อให้ได้รสชาติแท้ๆ จากผัก มีรสเข้มขึ้นด้วยสาหร่ายออกรสเปรี้ยวหวานอมเผ็ดเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นชอบรสไหนสามารถปรุงแต่งได้ตามต้องการ






หัวปลีเป็นจานผักที่นิยมมากตั้งแต่ศรีลังกา ลาว จนถึงเอเชียใต้ ในเมืองไทยก็กินหัวปลีเหมือนเป็นอาหารพื้นบ้าน เพราะบ้านคนไทยปลูกต้นกล้วยกันอยู่แล้ว หัวปลีสดกินกับผัดไทยหรือจิ้มน้ำพริก ลวกก็ได้ หรือต้มข่าไก่ใส่หัวปลี หมกหัวปลี แกงเลียงหัวปลีช่วยขับน้ำนมฯลฯ หัวปลีมีเส้นใย มีวิตามินเอ วิตามินซี โปตัสเซียม แมกนีเซียม มีธาตุเหล็กและแคลเซียม มีสรรพคุณช่วยแก้อาการหลอดลมอักเสบ ท้องผูกและรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร

กินดอกกล้วยแล้วอย่าลืมกินกล้วยสด ชนิดสุกมากหน่อยกินแก้อาการท้องผูก มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ แต่ถ้าท้องเสียถ่ายมากเกินไปให้กินกล้วยห่าม ที่ผิวเปลือกมีสีเขียวปนเหลือง เพราะในเนื้อกล้วยดิบที่ยังไม่สุกมากมีสารแทนนิน มีฤทธิ์ฝาดสมาน ช่วยยับยั้งเชื้อโรค ใช้ได้ผลดีกับอาการท้องเสียระยะแรก ปลูกต้นกล้วยไว้เหมือนเป็นล่วมยาในบ้านหยิบใช้ได้เสมอ

ที่มา:teenee.com



กินหมู่ไม่สุกระวัง...เสียชีวิต





เราคงทราบกันดีว่า การรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ มักก่อให้เกิดโรคตามมาภายหลังมากมาย และในช่วงหลังมานี้เราก็มักได้ยินข่าวคนทานหมูกระทะที่ไม่สุก หรือทานอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อหมูดิบ ๆ หรือเลือดหมูกลายเป็นโรคหูดับ หูหนวก เป็นอัมพาต หรือเลวร้ายที่สุดถึงขั้นเสียชีวิต จากการรับเชื้อ Streptococus suis (สเตรปโตคอคคัส ซูอิส) เข้าไปในร่างกาย

ว่าแต่...เนื้อหมูดิบจะส่งผลกระทบถึงขั้นเสียชีวิตได้ขนาดนั้นเชียวหรือ วันนี้กระปุกดอทคอม ขออาสามาเตือนภัยเรื่องนี้กันค่ะ

สำหรับ โรคสเตรปโตคอคคัส ซูอิส เป็นโรคที่เกิดในสุกร เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Streptococus suis ในสกุล Streptococcus ที่ปกติจะมีอยู่ในสุกรเกือบทุกตัว ซึ่งฝังตัวอยู่ในต่อมทอนซิลของสุกร แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดโรค เว้นแต่เมื่อใดที่สุกรมีร่างกายอ่อนแอ เครียด หรือป่วยด้วยโรคที่ไปกดภูมิคุ้มกัน แบคทีเรียตัวนี้ก็จะเพิ่มจำนวน และติดเชื้อในกระแสเลือด (bacteremia) และทำให้หมูป่วยและตายได้ในที่สุด

เชื้อ Streptococus suis ติดต่อสู่คนได้อย่างไร

เชื้อ Streptococus suis สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ 2 ทาง คือ

1. ผ่านทางบาดแผล รอยถลอก เยื่อบุตา จากการสัมผัสสุกรที่เป็นโรค กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังคือ เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร คนทำงานในโรงฆ่าสัตว์ คนชำแหละเนื้อสัตว์ สัตวแพทย์ สัตวบาล

2.จากการบริโภคเนื้อสุกร เครื่องใน หรือเลือดหมูที่ไม่ผ่านการปรุงให้สุก เช่น ลาบ ลู่ ที่นิยมทำจากเนื้อหมูดิบ ๆ หรือหมูกระทะที่ปิ้งย่างไม่สุก

อาการของผู้ป่วย

ผู้ป่วยที่รับเชื้อ Streptococus suis เข้าสู่ร่างกายแล้ว ภายใน 3 วัน จะมีไข้ คลื่นเหียน ปวดศีรษะ จนเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าไปสู่เยื่อหุ้มสมอง ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ข้ออักเสบ ม่านตาอักเสบตามมา และเนื่องจากเยื่อหุ้มสมอง อยู่ใกล้กับปลายประสาทหูชั้นในทั้งสองข้าง เชื้อจึงสามารถลุกลาม และทำให้เกิดหนองบริเวณปลายประสาทรับเสียงและประสาททรงตัว ทำให้หูตึง หูดับ จนหูหนวกร่วมกับอาการเวียนศีรษะและเดินเซตามมาได้ รวมทั้งเกิดอาการ Toxic Shock Syndrome ซึ่งอาการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายใน 14 วัน หลังจากเริ่มมีอาการไข้

นอกจากนี้ ความน่ากลัวของ Streptococus suis ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้หูหนวก และสูญเสียการทรงตัวเท่านั้น แต่หากผู้ป่วยเข้ารับการรักษาช้า จะทำให้เชื้อแบคทีเรีย Streptococus suis เข้าไปทำลายเยื่อหุ้มสมอง หรืออาจเกิดติดเชื้อในกระแสโลหิตจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ในที่สุด

การรักษา

แพทย์จะจ่ายยาต้านจุลชีพให้ เช่น ฉีดยาเพนนิซิลลินขนาดสูง 18-24 ล้านยูนิตทางหลอดเลือดดำ เป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ให้เพื่อฆ่าเชื้อโรค

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางคนที่รอดชีวิตมา ยังอาจมีความผิดปกติหลงเหลืออยู่ เช่น ความผิดปกติในการทรงตัว เนื่องจากเชื้อได้เข้าไปทำลายเยื่อหุ้มสมอง หรือหากเชื้อเข้าปลายระบบประสาทตา จะทำให้ม่านตาอักเสบ ลูกตาฝ่อ หรือตาบอดได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยบางคนยังอาจเป็นอัมพาตครึ่งซีกได้เช่นกัน

การป้องกัน

สำหรับในสุกรนั้น ควรเลี้ยงสุกรให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่แออัด โรงเรือนต้องระบายอากาศได้ดี ป้องกันสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันได้ เพื่อไม่ให้สุกรอ่อนแอ จนเชื้อStreptococus suis เพิ่มจำนวนเข้ามาได้ เนื่องจากสุกรที่รับเชื้อ Streptococus suis เข้ามาแล้วจะไม่แสดงอาการป่วย เราจึงไม่สามารถทราบได้เลยว่า สุกรตัวไหนที่ป่วย

ขณะที่วิธีป้องกันเชื้อ Streptococus suis ในคนที่ต้องทำงานในฟาร์ม หรือสัมผัสสุกร ควรปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล สวมรองเท้าบู้ต หรือ สวมถุงมือระหว่างปฏิบัติงาน จะป้องกันการแพร่เชื้อจากสุกรมาสู่คนได้

แต่สำหรับเรา ๆ การหลีกเลี่ยงบริโภคเนื้อสุกร เครื่องใน รวมทั้งเลือดหมูที่ดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เป็นหนทางป้องกันที่ดีที่สุด เพราะเชื้อ Streptococus suis จะถูกทำลายได้ง่ายด้วยความร้อน ดังนั้นหากต้องการหลีกเลี่ยงเชื้อ Streptococus suis ก็อย่าลืมปรุงอาหารให้สุกก่อนทุกครั้ง
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เตือนภัย ! สาวๆที่ชอบต่อเล็บ


สาวๆ คนไหนชื่นชอบการต่อเล็บเป็นชีวิตจิตใจ ต้องอย่าลืมมองข้ามความปลอดภัย และพึงระวังภัยเงียบที่เกิดจากการต่อเล็บเป็นพิเศษ เอาเป็นว่าไปติดตามกันเลยดีกว่าว่าเจ้าภัยเงียบนี้คืออะไร...


ภัยเงียบที่อาจเกิดขึ้นได้จากการต่อเล็บนั้น เป็นอันตรายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง เนื่องจากการต่อเล็บนั้นปัจจัยที่สำคัญได้แก่ “กาว” ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้กาวที่ทำด้วยเมธิลเมธาครายเลต ซึ่งมีราคาถูก โดยจะมีลักษณะกลิ่นฉุน และเป็นพิษ อาจจะมีปฏิกิริยากับผิวหนังหรือทำให้เล็บเสียหายถาวรได้



อีกทั้งเมื่อกาวแห้งจะแข็งตัว และมักจะยึดติดกับเล็บจริงอย่างแน่นหนา จึงอาจทำให้เล็บฉีกได้เมื่อจะถอดออก บางครั้งเมื่อถอดเล็บปลอมไม่ออก ถึงกับต้องใช้ตะไบตัดออก ก็ยิ่งทำให้เล็บที่อยู่ข้างใต้เสียหายหนัก ซึ่งจะส่งผลถึงสุขภาพของเล็บได้ นอกจากนั้นกาว ซึ่งเป็นสารเคมีอาจถูกดูดซึมเข้าสู่เล็บ และอาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อราหรือสะสมเชื้อราภายใต้เล็บ



รู้แบบนี้แล้ว เห็นทีสาวๆ ที่รักสวยรักงาม และชื่นชอบการต่อเล็บต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยกันบ้างแล้วล่ะค่ะ...